หอรำลึกที่นำเสนอความโดดเด่นรุ่นก่อนที่เกี่ยวข้องกับเมืองโมริโอกะ ในอาคารมีห้องรำลึกนิโตเบะ อินาโซ ซึ่งจัดแสดงและแนะนำรอยเท้าและความสำเร็จของอินาโซ ผู้อุทิศตนเพื่อการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศโดยมีเป้าหมายในการ “กลายเป็นสะพานเชื่อมไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก’’ ในห้องแห่งความทรงจำแห่งนี้ ชิเกรุ ฟูจิอิ ประธานมูลนิธินิโตเบะ อินาโซ ซึ่งดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับการเพาะปลูกข้าว จะเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับนิโตเบะ

อินาโซ อินาโซเกิดในครอบครัวซามูไรในดินแดนโมริโอกะ (ทางใต้) และได้รับการศึกษาในฐานะซามูไร นอกเหนือจากการได้สัมผัสถึงรากฐานของ “บุชิโดะ’’ ของอินาโซแล้ว เขายังพูดถึงแง่มุมต่างๆ ของอินาโซ นิโตเบะ เช่น วัยเด็กขเป็น “เด็กเกเรมากจนควบคุมไม่ได้’’

บ้านเกิดของนิโตเบะ อินาโซตั้งอยู่ที่เชิงสะพานชิโมโนบาชิ ใกล้กับสวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ ครอบครัวนิโตเบะอาศัยอยู่ในมุมนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเรียกว่า “ทาคาโจ โคจิ” และเรียงรายไปด้วยคฤหาสน์ของซามูไรชนชั้นกลางและระดับล่าง และอินาโซเกิดและเติบโตที่นี่จนกระทั่งเขาย้ายมาโตเกียวเมื่ออายุเก้าขวบ สถานที่เกิดของอินาโซะได้รับการดูแลอย่างสวยงามให้เป็นพื้นที่สีเขียว และด้านหลังมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่สร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคจากประชาชน 50 ปีหลังจากการเสียชีวิต

เดินเล่นจากสถานที่อินาโซเกิด ไปตามแม่น้ำนาคัตสึกาวะไปยังศาลากลางโมริโอกะพร้อมไกด์ เส้นทางเดินเล่นนี้เรียกว่า “ถนนวิกตอเรีย’’ และสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงมิตรภาพของอินาโซกับเมืองวิกตอเรีย ประเทศแคนาดา ซึ่งเมืองที่อินาโซจบชีวิตลงบริเวณนี้มีเสาโทเท็ม เสาโคมไฟ และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ทำจากผ้าซึ่งบริจาคโดยเมืองวิกตอเรียกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ สามารถเพลิดเพลินกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติของโมริโอกะได้อย่างเต็มที่ในขณะที่เยี่ยมชมสถานที่ที่มีชื่อเสียง เช่น อาคารอิฐแดงริมฝั่งอิวาเตะ ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโมริโอกะ

“ซาเซ็น’’ เป็นหนึ่งในวิธีการฝึกขั้นพื้นฐานของ “เซน’’ ซึ่งอินาโซอธิบายไว้ใน “บูชิโดะ’’ ว่าเป็น “โซนแห่งความคิดที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของการแสดงออกทางวาจา’’ เราจะได้สัมผัสกับ “ซาเซ็น’’ ที่ วัดคิวโชจิซึ่งเป็นที่วัดประจำตระกูลนิโตเบะ รวมถึงมีสุสานของจูจิโระ พ่อของอินาโซะด้วย

ปกติแล้ววัดคิวโชจิจะไม่จัดกิจกรรมประสบการณ์ซาเซ็นแก่บุคคลทั่วไป ดันนั้นนี้เป็นกิจกรรมพิเศษเฉพาะสำหรับทัวร์นี้

ปิดท้ายทัวร์ เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “วาโชกุ’’ ที่ร้านอาหาร “สึคุโมกุสะ’’ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านนากาโนะบาชิ-โดริ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง ร้านนี่คือร้านอาหารในเครือที่อยู่ติดกับร้านอาหารเก่าแก่ “อาซุมายะ” ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ.1907 และแม้จะสืบทอดเทคนิคและรสชาติของร้านอาหารชื่อดังของโมริโอกะ แต่กลับนำเสนอเสน่ห์ใหม่ของอาหารญี่ปุ่นด้วย

“วาโชกุ” เป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เกิดจากการเคารพธรรมชาติของชาวญี่ปุ่น และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO รสชาติและการนำเสนอของอาหารญี่ปุ่นที่เมืองโมริโอกะ ซึ่งอุดมไปด้วยธรรมชาติ จะกลายเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนในการเดินทางอย่างแน่นอน